Tips เลือกแหวนแต่งงาน สัญลักษณ์แทนใจ ของบ่าวสาวป้ายแดง

แหวนแต่งงาน

เมื่อคุณ และคนรักตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน ในฐานะสามีภรรยา หนึ่งในของแทนใจ ที่ช่วยป่าวประกาศสถานะคู่ชีวิต นับตั้งแต่วันเข้าพิธีวิวาห์ คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากแหวนแต่งงานวงสวย ตัวแทนแห่งรักที่จะอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย เคียงคู่ไปกับความรักของว่าที่บ่าวสาว ไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

อย่างไรก็ตาม ว่าที่บ่าวสาวอาจจะยังจับจุดไม่ถูก ว่าควรเลือกแหวนอย่างไรดี เพราะน้อยคนที่จะมีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ต้องกังวลกันไป เพราะในบทความนี้ See Sa Rin ขอพาทุกคนมาแนะนำวิธีการเลือกแหวนแต่งงาน ให้ออกมาดูดี เข้ากับรูปนิ้วของบ่าวสาว รวมถึงแชร์สาระที่น่าสนใจ เกี่ยวกับเพชร Lab Grown Diamond และเพชรธรรมชาติ เพื่อให้การเลือกแหวนง่ายยิ่งขึ้น หากพร้อมแล้ว เรามาดูกัน

แหวนแต่งงาน

จับสังเกต! เพชร Lab Grown Diamond VS เพชรธรรมชาติ ต่างกันอย่างไร

หากพูดถึงแหวนแต่งงาน เชื่อว่าบ่าวสาวส่วนใหญ่ คงนึกถึงเพชรเป็นอันดับแรก เพราะเพชรเป็นอัญมณีที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม หายาก และมีมูลค่าสูง ทำให้หลายคนอยากได้แหวนเพชรมาครอบครอง เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนใจ และมอบของขวัญที่มีค่าที่สุดให้แก่คนรัก

ทั้งนี้ การจะครอบครองเพชรแท้สักกะรัต ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจาก ต้องใช้งบประมาณสูง แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้มีการผลิตเพชรแล็บ หรือ Lab Grown Diamond ขึ้นมา เพื่อเป็นทางเลือก ของคนที่อยากได้เพชร ในราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ 

สำหรับใครที่ยังสับสนว่า เพชรแล็บ (Lab Grown Diamond) และเพชรธรรมชาติต่างกันอย่างไร ทำไมเพชรแล็บถึงได้รับความนิยม See Sa Rin ได้เตรียมคำตอบมาไว้ให้แล้ว ดังนี้ 

  • เพชรธรรมชาติ

เพชรธรรมชาติ หรือเพชรดิบ เกิดจากกระบวนการธรรมชาติ 100% ผ่านแรงกดดันใต้ผิวโลกที่ลึกกว่า 150-200 กิโลเมตร ซึ่งเพชรธรรมชาติ จะเต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ หล่อหลอมรวมกัน ผ่านกระบวนการทางธรรมชาติ จนกลายมาเป็นเพชรดิบก่อนที่จะถูกนำมาเจียระไน และขัดตกแต่งจนสวยงาม ทำให้มีมูลค่าสูงมาก เมื่อเทียบกับอัญมณีชนิดอื่น

  • เพชร Lab Grown Diamond

เพชร Lab Grown Diamond หรือเพชรสังเคราะห์ เป็นเพชรที่เกิดจากมนุษย์ โดยอาศัยการจำลองกระบวนการเกิดของเพชรธรรมชาติ แต่จะใช้เวลาเพียง 1-2 เดือนเท่านั้น เพื่อให้ได้เพชรแล็บมาเจียระไน และขัดตกแต่งเป็นรูปทรงต่าง ๆ ซึ่งเพชรที่ได้ออกมา จะมีคุณสมบัติทางกายภาพ และโครงสร้างเคมีเหมือนกันทุกประการ

ทำให้ไม่สามารถแยกความแตกต่างของเพชรสังเคราะห์ และเพชรธรรมชาติได้ด้วยตาเปล่า โดยกระบวนการผลิตเพชร Lab grown diamond มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี ได้แก่

  1. Chemical Vapor Deposition Diamonds (CVD)

กระบวนการผลิตเพชรแบบ Chemical Vapor Deposition Diamonds (CVD) เป็นการนำก๊าซที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ มาปล่อยเข้าไปในห้องปฏิบัติการที่มีความดันต่ำ จากนั้นก๊าซจะถูกทำให้แตกตัวด้วยพลังงาน ทำให้อะตอมของคาร์บอนแยกออกจากก๊าซ ส่งผลให้เกิดการตกลง บนเพชรแผ่นบาง ๆ และเริ่มสร้างชั้นของเพชรขึ้นทีละชั้น จนกลายเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส

  1. High Pressure High Temperature Diamonds (HPHT)

ในส่วนของการผลิตเพชรแบบ High Pressure High Temperature Diamonds (HPHT) เป็นการเลียนแบบกระบวนการเกิดของเพชรธรรมชาติ โดยเริ่มจากการนำผลึกคาร์บอนขนาดเล็ก มาวางไว้ในเครื่องมือเฉพาะ จากนั้นคาร์บอนจะละลาย และเริ่มตกผลึกรอบ ๆ จนกลายเป็นโครงของเพชรในที่สุด

ทั้งนี้ หากได้แหวนเพชรที่ใช่แล้ว แต่ยังเลือกสถานที่จัดงานแต่งในสวนไม่ได้ ขอแนะนำ See Sa Rin กับสถานที่ Lawn & Gazebo สนามหญ้า และกาซีโบ้ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นหญ้าสีเขียว ที่ถูกตัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ประดับประดาด้วยลูกไม้ และดอกไม้สีสันสดใส พร้อมเสกวันพิเศษของคุณ ให้น่าจดจำยิ่งขึ้น

แหวนแต่งงาน

เทคนิคเลือกแหวนแต่งงาน ให้เข้ากับรูปนิ้ว สวมใส่ได้ทุกวัน

สำหรับใครที่กำลังเลื่อนสถานะแฟน กลายมาเป็นคู่ชีวิต แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกแหวนแต่งงานอย่างไร ถึงจะเข้ากับชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว และเหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน See Sa Rin จึงได้รวบรวมเคล็ดลับดี ๆ เพื่อให้การเลือกแหวนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น จะมีอะไรบ้าง เราไปดูพร้อมกันได้เลย

  • กำหนดงบประมาณในใจ

การตั้งงบประมาณในการเลือกซื้อแหวน เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยบ่าวสาวต้องคำนึงถึงงบประมาณที่เอื้อมถึง เพื่อให้สามารถซื้อแหวนได้ ในราคาที่เหมาะสม ทั้งยังเหลือเงินส่วนต่าง ๆ ไปบริหารจัดการ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งในสวนอีกด้วย

ทั้งนี้ สำหรับใครที่มีงบประมาณจำกัด ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะในปัจจุบันมีแหวนแต่งงานให้เลือกหลายราคา ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้าน ทั้งยังมีดีไซน์ให้เลือกมากมาย รับรองว่าทุกคนจะได้แหวนที่ถูกใจอย่างแน่นอน

  • ศึกษาวิธีการดูเพชรให้ละเอียด

เมื่อกำหนดงบประมาณได้แล้ว ต่อมาลองศึกษาหลักการดูเพชรขั้นเบื้องต้น หรือที่เรียกกันว่าหลัก 4Cs ได้แก่ Carat, Color, Clarity และ Cut เพื่อให้บ่าวสาวเฟ้นหาแหวนที่ใช่ สะอาด ไร้ตำหนิ และมีคุณภาพดีที่สุด โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

  • Carat: หรือน้ำหนักเพชร มีหน่วยเป็นกะรัต โดย 1 กะรัต = 100 ตัง = 0.2 กรัม ซึ่งการเลือกขนาดของเพชร จะส่งผลต่อราคามากที่สุด เพราะยิ่งเพชรมีขนาดใหญ่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปด้วย
  • Color: โดยปกติแล้วเพชรจะมีสีโทนขาวอมเหลืองนิด ๆ ซึ่งระดับสีนั้น จะถูกแบ่งเป็นเกรดตามตัวอักษร ตั้งแต่ D Color หรือเพชรน้ำ 100 เป็นเพชรที่ขาวใส และไม่มีสีเลย ไปจนถึง Z Color หรือเพชรที่มีสีค่อนข้างเหลือง
  • Clarity: คือ ระดับความสะอาดของเพชร ซึ่งเพชรส่วนมาก จะมีตำหนิอยู่ภายในเนื้อเพชร ดังนั้น ยิ่งเพชรมีความสะอาดมาก ก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นตามไปด้วย โดยในเมืองไทยมีเพชรตั้งแต่ระดับ IF (Internally Flawless) คือ เพชรที่ไม่มีน้ำหนักเลย ไปจนถึงระดับ vs2 หรือเพชรที่มีตำหนิเล็กน้อย แต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
  • Cut: เป็นการเจียระไนเพชร ซึ่งจะส่งผลต่อการเล่นไฟของเพชร และรูปทรงของเพชร
  • เลือกตามรูปทรงที่ชอบ

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ขาดไปไม่ได้เลย ในการเลือกแหวนแต่งงานให้ถูกใจ คือ รูปทรงของแหวนเพชร เพื่อหาสไตล์แหวนที่ชอบ และเหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ทั้งยังมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถแบ่งได้เป็น 6 รูปแบบ ดังนี้

  1. แหวนเพชรเม็ดเดี่ยว (Solitaire Ring)

เป็นแหวนที่ชูตัวเพชรให้ออกมาเด่นมากที่สุด แต่ยังมีความเรียบง่าย โดยแหวนเพชรเม็ดเดี่ยว สามารถสื่อความหมายถึงการรักเดียวใจเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบแต่งตัวเรียบ ๆ หรือมองหาแหวนที่ใส่ได้ในทุกโอกาส

  1. แหวนเพชรเกลี้ยง (Classic Wedding Ring)

ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบแหวนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นแหวนที่มีเพชรเม็ดเดียว ฝังอยู่ที่ตัวเรือน โดยตัวเรือนมักจะเป็นทองคำ หรือทองคำขาว สื่อถึงความรักที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เข้ากับผู้ที่ชอบความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความโมเดิร์นอย่างยิ่ง

  1. แหวนเพชรแถว (Eternity Ring)

แหวนเพชรแถว เป็นแหวนที่ตัวเรือนฝังเพชรลงไป ซึ่งอาจเป็นลักษณะครึ่งวงกลม หรือเต็มเรือน โดยมีความหมายสื่อถึงความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทั้งนี้ หากเลือกแหวนเพชรแถว ควรเลือกเพชรน้ำ 100 เพื่อให้ได้เพชรที่เปล่งประกาย และสวยงามในทุกอิริยาบถ

  1. แหวนเพชรสามเม็ดเรียง (Trinity Ring)

แหวนลักษณะนี้ จะมีความพิเศษตรงที่มีตัวเรือนของแหวน ถูกเรียงด้วยเพชร 3 เม็ดเรียงกัน โดยจะมีความหมายถึงความสามัคคี ความรักใคร่ และกลมเกลียว ทั้งยังเป็นตัวแทนของอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เหมาะกับคู่รักที่หมั่นแสดงความรักต่อกันในทุกช่วงเวลาอย่างยิ่ง

  1. แหวนเพชรแฟนซี (Fancy Ring)

สำหรับแหวนเพชรแฟนซี จะมีความโดดเด่นตรงที่ ตัวเรือนมีเพชรรูปร่างต่างกันออกไป เช่น รูปหัวใจ รูปทรงหยดน้ำ และรูปมงกุฎ เป็นต้น ทั้งยังสามารถสลักลวดลายแหวน หรือใส่ข้อความลงไปในแหวนได้ 

  1. แหวนเพชรบ่า (Side Diamond Ring)

แหวนเพชรบ่า นับเป็นแหวนเพชรที่มีความโดดเด่นอย่างมาก เพราะจะมีเพชรเม็ดใหญ่วางโดดเด่น ในขณะที่ตัวเรือนก็มีเพชรเม็ดเล็กเรียงกันอย่างสวยงาม สื่อถึงไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต บ่าวสาวจะมีกันและกันอยู่เสมอ

  • ซื้อแหวนแต่งงานให้พอดีกับนิ้ว

หลังจากที่เลือกรูปทรงของแหวนที่ต้องการได้แล้ว ต่อมาก็ต้องเลือกแหวน ให้มีขนาดพอดีกับนิ้ว เพื่อให้เวลาสวมใส่ออกมาสวย ไม่อึดอัด หรือหลวมจนเกินไป โดยทางร้านจะใช้พวงไซซ์แหวน มาวัดขนาดแหวน และนิ้ว ก่อนจะแนะนำตัวเลือกแหวนรูปทรงต่าง ๆ ที่เหมาะกับรูปนิ้วของบ่าวสาวให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้ แนะนำให้เลือกวัดแหวนในช่วงเวลาบ่าย เพราะนิ้วจะมีการขยายตัวมากกว่าตอนเช้า และควรวัดบ่อย ๆ ประมาณ 2 ครั้งขึ้นไป เพื่อให้ทราบขนาดที่แน่นอน

  • ตรวจสอบใบรับรองเพชร

เมื่อได้แหวนแต่งงานที่ถูกใจแล้ว อย่าลืมตรวจสอบใบรับรองเพชร (Certificate) ให้เรียบร้อย เพื่อยืนยันว่าเพชรของร้านเป็นเพชรแท้ ผ่านการออกใบเสนอจากสถาบันอัญมณีสากล เช่น GIA, HRD, IGI และ De Beers เป็นต้น

  • เน้นเลือกแหวนที่ทำความสะอาดได้ง่าย

เทคนิคสุดท้ายที่จะช่วยให้บ่าวสาว เลือกแหวนเพชรที่เหมาะสมที่สุดมาสวมใส่ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากการเลือกแหวนที่ทำความสะอาดได้ง่าย และสามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากการนำน้ำอุ่น มาผสมกับน้ำยาล้างจาน 5 หยด แล้วนำแหวนลงไปแช่ทิ้งไว้ 20 นาที และนำแปรงขนนุ่มมาขัดเบา ๆ ก่อนจะล้างด้วยน้ำอุ่น และเช็ดเบา ๆ ด้วยสำลี

สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งในสวน อย่าลืมนึกถึง Lawn & Gazebo ของ See Sa Rin สถานที่จัดงานแต่งงานในสวนที่ร่มรื่น โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้ Mood & Tone ของสถานที่ดูอบอุ่น และโรแมนติกในทุกอณู พร้อมให้วันสำคัญของคุณพิเศษกว่าที่เคย หากสนใจ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่

Tel: 094-666-9441

Website: seesarinstudio.com

Facebook Page: See Sa Rin

Line: @seesarinstudio

Email: [email protected]